ความรู้เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากพืชของชาวเขาในประเทศไทยเป็นเรื่องที่มีการศึกษากันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากความเจริญที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและการขาดการสืบทอดองค์ความรู้ในรุ่นลูกหลาน การศึกษาพฤกษศาสตร์พื้นบ้านของชาวม้งในบ้านปางช้าง ตำบลพงษ์ อำเภอสันติสุข จังหวัดน่าน ตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2553 ถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2554 พบพืชที่ชาวม้งนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันทั้งหมด 277 ชนิด 223 สกุล 90 วงศ์ โดยมีพืชดอกจำนวน 267 ชนิด 215 สกุล 82 วงศ์ เฟิร์นและไลโคไฟต์จำนวน 10 ชนิด 8 สกุล 8 วงศ์ พืชที่นำมาใช้ประโยชน์มาก ได้แก่ พืชในวงศ์ Poaceae, Fabaceae, Asteraceae, Cucurbitaceae, Euphorbiaceae, Zingiberaceae, Acanthaceae, Lamiaceae, Orchidaceae, Solanaceae, Rubiaceae และ Amaranthaceae ตามลำดับจำนวนชนิดมากไปหาน้อย ลักษณะการใช้ประโยชน์สามารถจำแนกออกเป็น 7 ประเภท ได้แก่ พืชที่ใช้เป็นสมุนไพร 174 ชนิด พืชที่ใช้เป็นอาหาร 130 ชนิด พืชที่ใช้ทำที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ 24 ชนิด พืชที่ใช้ในพิธีกรรมและความเชื่อ 14 ชนิด พืชที่ใช้ประโยชน์เพื่อการค้า 5 ชนิด พืชมีพิษ 3 ชนิด และพืชที่ใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันด้านอื่นๆ อีก 19 ชนิด
Thai hill tribes’ knowledge on their uses of plants has been subjected to a number of studies mainly due to rapid modernisation and loss of knowledge transfer to younger generations. Ethnobotany of Hmong in Ban Pang Chang, Pong subdistrict, Santisuk district, Nan province from March 2010 to May 2011, was investigated. The results indicated that 277 species in 223 genera 90 families, 267 species in 215 genera 82 families of flowering plants, and 10 species in eight genera eight families of ferns and lycophytes, had been used in daily life. Plants in Poaceae, Fabaceae, Asteraceae, Cucurbitaceae, Euphorbiaceae, Zingiberaceae, Acanthaceae, Lamiaceae, Orchidaceae, Solanaceae, Rubiaceae and Amaranthaceae were families with the highest number of species used, in descending order. Plants were used in seven categories, namely medicines (174 species), food (130 species), housing and household utensils (24 species), rituals and belief (14 species), commerce (5 species), poisonous plants (3 species) and miscellaneous uses (19 species).