จากการเลี้ยงต้นอ่อนสิงโตช้อนทองในสภาพปลอดเชื้อบนอาหารสูตร Vacin & Went (VW) 1949 ที่เติมไซโทไคนิน (BA, Kinetin, TDZ) ความเข้มข้น0, 0.5, 1.0, 2.0 และ 4.0 มิลลิกรัมต่อลิตร เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่า ต้นอ่อนที่เลี้ยงบนอาหารสูตร VW (1949) ที่เติม BA 4.0 มิลลิกรัมต่อลิตร ชักนำให้เกิดยอดใหม่ดีที่สุด (2.12 ต้น) เมื่อย้ายเลี้ยงต้นอ่อนสิงโตช้อนทองบนอาหารสูตร VW (1949) ที่เติมออกซิน (IAA, IBA, NAA) ความเข้มข้น 0, 0.5, 1.0, 2.0 และ 4.0 มิลลิกรัมต่อลิตร เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่า อาหารสูตรที่เติม IBA 0.5 มิลลิกรัมต่อลิตรสามารถกระตุ้นให้ต้นอ่อนแตกรากใหม่ได้ดีที่สุด (2.0 รากต่อต้น) และจากการย้ายต้นอ่อนออกปลูกในเรือนเพาะชำโดยใช้วัสดุปลูกเป็นกาบมะพร้าว สแฟกนัมมอส และหัวเฟินชายผ้าสีดา เป็นเวลา 14 สัปดาห์พบว่าต้นอ่อนที่ใช้สแฟกนัมมอสและกาบมะพร้าวเป็นวัสดุปลูกนั้นมีอัตราการรอดชีวิตสูงที่สุดคิดเป็น 88.71 และ 79.03 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
Seedlings of Bulbophyllum spathulatum (Rolfe ex Cooper) Seidenf. were in vitro cultured on Vacin & Went (1949) medium supplemented with various types and concentrations of cytokinins i.e. BA, Kinetin and TDZ at 0, 0.1, 0.5, 1.0, 2.0 and 4.0 mg/l for 12 weeks. The results showed that the highest shoot number (2.12 shoots) could obtain when cultured on the medium supplemented with 4.0 mg/l BA. Young shoots were then transferred to culture on VW (1949) medium supplemented with various types and concentrations of auxins i.e. IAA, IBA and NAA at 0, 0.1, 0.5, 1.0, 2.0 and 4.0 mg/l for 12 weeks. The results indicated that the highest root number (2.0 roots) could receive on the medium with 0.5 mg/l IBA. Plantlets were transplanted and grew on different planting materials; coconut husk, sphagnum moss and Platycerium husk for 14 weeks. The results revealed that the highest percentage of survival could observe when sphagnum moss (88.71%) and coconut husk (79.03%) were used as planting materials, respectively.